เอคตอร์ กูเปร์ เขาได้ดูแลทีม ในสเปนกับ 2 สโมสร เขาได้พาทีม ไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย 4 ครั้ง แต่กลับพ่ายแพ้ ทั้งหมด
เอคตอร์ กูเปร์ เขาคือโค้ชทีมฟุตบอล สัญชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งมาทำงานอยู่ที่ ยุโรปตั้งแต่ช่วงปีค.ศ.1990 จนถึงต้นปี ค.ศ.2000 ในตอนนั้นถือว่าเขาได้รับ ชื่อเสียงมากที่สุด ตั้งแต่ที่ได้อยู่ใน วงการฟุตบอล
อีกทั้งได้รับฉายาเป็น โค้ชพเนจร เนื่องจากเขาอยู่กับ สโมสรใดไม่ได้นานเท่าไหร่นัก มีอยู่สองกรณีก็คือ หากทำงานไม่ดีเกินไป จนโดนทีมใหญ่กว่า ติดต่อไปคุมทีม ก็ผลงานไม่ดีจนโดนปลด
เอคตอร์ กูเปร์ ได้เข้าสู่อาชีพ โค้ชในวัย 35 ปี ที่แรกคือสโมสร ในอาร์เจนติน่า และเขาได้พาทีมได้รองแชมป์ หลังจากนั้น ได้ย้ายมาดูแลทีม ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ก็คือทีมลานุส นี่คือจุดเริ่มต้นของการมีชื่อเสียง ในวงการฟุตบอลของเขานั่นเอง
หลังจากนั้น เขาได้ย้ายมาดูแล ทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง ทีมบาเลนเซีย อย่างที่หลายคน ทราบกันดีว่า รูปแบบการทำทีมของเขานั้น จะเป็นประเภท 4-4-2 ในบางทีมักจะเล่น ประเภทกองกลาง 4 คน คล้ายลักษณะข้าวหลามตัด หรือไดมอนด์นั่นเอง
เอคตอร์ กูเปร์ โดยนิสัยส่วนตัว เขาเป็นคนพูดน้อย ดังนั้นจึงพยายามทำให้ บรรยากาศภายในทีม เหมือนคนในครอบครัว แต่สิ่งที่เขาเป็นมาตลอดคือ เป็นคนค่อนข้าง ไม่ยืดหยุ่น ระเบียบจัด อีกทั้งยังซ้อมหนัก
ซึ่งเขาจะชอบให้ การฝึกซ้อม เกิดขึ้นตอนเช้า เนื่องจากอยากกระตุ้น ให้นักเตะรู้สึกตื่นตัว ตั้งแต่ช่วงแรกของวัน และมองว่าสามารถ ป้องกันอาการ “ขี้เกียจ” ได้ เขามองว่านักเตะ ในทีมจะต้องขยัน และวิ่งอยู่ตลอดเวลา เขาอยากจะให้ ทีมของเขา เป็นฝ่ายรุกใส่คู่แข่ง และมีความกระฉับกระเฉง เมื่ออยู่ในสนาม
แน่นอนว่า แฟนบอลจะไม่เจอ นักเตะประเภท ลีลาดีแต่ช้า ไม่ค่อยวิ่ง หรือเล่นแบบอาศัย จังหวะอย่างเดียว แต่ไม่ขยัน อยู่ในทีมที่เขาคุมอยู่ ซึ่งนักเตะประเภทนี้ ไม่เข้าตาของเขาเลย
ข้อดีอีกอย่าง ก็คือเขาสามารถมองออกว่า นักเตะคนไหนที่มีพรสวรรค์ อีกทั้งยังให้โอกาส ซึ่ง ราอูล อัลบิโอล ในยุคนั้นก็ทาบทาม ให้มาอยู่ในทีม เยาวชนของบาเลนเซีย
ในฤดูกาล 2000/03 ทีมบาเลนเซียของเขา ได้ผ่านเข้าถึง รอบชิงชนะเลิศ อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะสามารถ ทำคะแนนนำ บาเยิร์น มิวนิค ได้ในช่วงต้นเกม แต่ในช่วงครึ่งหลัง กลับโดนตีเสมอ จึงทำให้ต้อง ดวลจุดโทษกัน สุดท้ายทีมของเขา ได้พ่ายแพ้ในการ ยิงลูกโทษเป็นครั้งที่ 3 ในปีเดียวกัน
การที่เขาได้ดูแลทีม ในสเปนกับ 2 สโมสร เขาได้พาทีม ไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย 4 ครั้ง แต่กลับพ่ายแพ้ ทั้งหมดเช่นกัน แม้จะได้แค่ รองแชมป์มาทั้ง 2 ปี แต่หลายคนกลับคนคิดว่า การที่เขาได้คุมทีม บาเลนเซีย มันก็เพียงพอ ที่ทำให้เขาได้รับ ความสนใจจาก ทีมใหญ่ ๆ เช่นกัน
อินเตอร์ มิลาน ได้เข้ามาติดต่อให้เขามาดูแลทีม มัสซิโม่ โมรัตติ และเชื่อว่าถ้าเขาได้ มาคุมทีมใหญ่ มีนักเตะที่มากฝีมือจริง ๆ เขาสามารถที่จะพาทีม คว้าแชมป์ได้แน่นอน
เป้าหมายของทีมนี้ก็คือ การคว้าแชมป์บอลถ้วย เนื่องจากอินเตอร์ ไม่ได้แชมป์มานาน 13 ปีแล้ว ในฤดูกาลที่สอง เขาได้พาทีม ทำผลงานดี จนขึ้นนำในตาราง มาโดยตลอด จนมาถึงการแข่งขันสุดท้าย ถือว่าเป็นการแข่งขัน แห่งความดราม่า เนื่องจากอินเตอร์มิลาน ต้องพบกับความพ่ายแพ้
อีกทั้งยังเป็นนัดที่โรนัลโด้ ได้ร้องไห้อยู่ข้างสนาม หลังจากจบฤดูกาลนั้น และจบ ฟุตบอลโลก 2004 โรนัลโด้ ก็ตัดสินใจออกจาก อินเตอร์มิลาน และได้มาอยู่ทีมเรอัล มาดริด
โรนัลโด้ ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อภายหลังว่า สาเหตุที่เขาไม่สามารถร่วมงานกับ กูเปร์ ต่อไปไม่ได้ เกิดจากการที่เขาต้องการให้ โมรัตติ ตัดสินใจเลือกถ้าหาก กูเปร์ ยังคงคุมทีมอยู่ เขาก็จะขอไปเอง และคำตอบก็คือ โมรัตติ ตัดสินใจที่จะเก็บกูเปร์เอาไว้
หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า รูปแบบการคุมทีมของเขานั้น ไม่มีความยืดหยุ่น มักจะชอบให้นักเตะซ้อมหนัก และระเบียบจัด จึงทำให้บรรดานักเตะ ที่มีพรสวรรค์ แต่อารมณ์ศิลปิน ไม่ค่อยชอบใจ กับรูปแบบการฝึกซ้อม ที่เข้มงวดเช่นนี้
และไม่อยากที่จะร่วมงานด้วย อีกทั้งโรนัลโด้ ยังได้เล่าอีกว่า ตอนที่ร่างกายของเขา ไม่มีความพร้อม กูเปร์ มักจะให้เขาลงแข่ง โดยไม่ฟังคำแนะนำของแพทย์ แต่ในตอนที่ ร่างกายเขาพร้อม กูเปร์กลับไม่ให้เขาได้ลงแข่ง
อีกเหตุการณ์ ที่ทำให้กูเปร์ ต้องเจอกับความพลิกผัน จากการเป็น 10 กุนซือบอล ก็คือ การที่ไม่ค่อยส่ง เรโคบา ลงสนามเท่าไหร่นัก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ เป็นหลุมพรางของเขาเอง ก็เพราะว่า เรโคบา เป็นเหมือนคนโปรด ของประธานของสโมสร หลังจากจบฤดูกาล 2003/04 กูเปร์ ยังคงดูแลทีม แต่พอเปิดฤดูกาลใหม่ไปได้สักพัก เขาโดนอินเตอร์มิลาน ปลดออกจากตำแหน่ง
หลังจากนั้น เขาก็ว่างงานยาว เกือบจะ 2 ปีเลยทีเดียว กลายเป็นว่าการร่วมงานกับทีมขนาดใหญ่ ไม่ใช่พื้นที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว ชื่อของ กูเปร์ ได้หลุดออกจาก รายชื่อโค้ชระดับท็อป
และเมื่อปี 2020 เขาได้โอกาสเข้ามา คุมทีมชาติดีอาร์ คองโก จนเมื่อต้นเดือนที่แล้ว เขาก็โดนทางทีมปลดออกจากตำแหน่งอีก พออ่านมาถึงตรงนี้ จึงทำให้หลายคน นึกถึงคำพูดของ โรนัลโด้ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
” เขาไม่สามารถถ่ายทอด จิตวิญญาณของการผู้ชนะ ให้ถึงสู่นักเตะได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองของ เรื่องฟุตบอลที่ดีแค่ไหน มีเทคนิคดีเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถ ทำให้นักเตะลงสู่สนามไปด้วยความศรัทธา ที่มีต่อนัดการแข่งขัน ที่สามารถชี้เป็นชี้ตาย ให้กับทีมนั้นได้ อาจจะถือได้ว่าการเป็น โค้ชฟุตบอล นั้น ไม่ประสบความสำเร็จเลย ”
ติดตามเรื่องราวของ มวยไทย กันต่อได้ที่ >>> บทความกีฬาที่น่าสนใจ
เรียบเรียงโดย อลิส