BioShock The Collection พาเราย้อนวันวานอีกครั้งหลังจากหลายปี การกลับมาของ BioShock Series แบบคอลเลคชั่น
BioShock The Collection การนำเกมทั้งสามภาค ของซีรีย์เกมสุดคุณภาพอย่าง BioShock มารวมกัน ประกอบด้วย BioShock, BioShock 2 และ BioShock Infinite
เพื่อเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมที่ เหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ ได้สัมผัสกับประสบการณ์เกม FPS ที่น่าจดจำเกมหนึ่ง ในสมัยก่อน ส่วนแฟนของ lighthouses, Big Daddys และ Plasmids อาจจะรู้สึกไม่คุ้มค่า สำหรับคอลเลคชั่นนี้ก็เป็นได้
IGN ในสมัยนั้นให้คะแนน เกมซีรีย์นี้ถึง 9.7/10 คะแนน โดยเรียกมันว่า “หนึ่งในประสบการณ์สุดยอดเยี่ยม ที่คุณจะไม่มีวันลืม” การค้นพบภาคในอุดมคติที่น่าจดจำ ดั่งโลกของยูโทเปียน ในรูปแบบศิลปะพุพังของ Deco Underwater City ที่เป็นความตราตรึงใจ
BioShock: The Collection รีวิว ได้รับคำชื่นชมตั้งแต่ภาคแรก ในเรื่องภาพที่สวยงามขึ้น
Rapture (เมืองใต้บาดาล) มีความสวยงาม และหลอนมากกว่าเดิม ถึงแม้จะไม่ได้มี ความเรียบเนียนเหมือนกับ เกมในยุคปัจจุบัน แต่อย่างน้อย ความเป็นเมือง Rapture ที่อยู่ใต้ทะเล เสื่อมโรมล่มสลาย ก็ยังให้ความอิมแพค ในความรู้สึกของเราในเรื่อง Art ถ้าไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี (ในการสร้างเกมสมัยนั้น หากเทียบกับสมัยนี้)
ในขณะที่เราเล่น BioShock ภาคแรกเราจะ ได้เล่นทุกอย่างเหมือนเดิม ในเวอร์ชั่นที่ภาพสวยขึ้น และยังมีการเพิ่ม การผจญภัยอีกอย่างเข้ามา ให้คุณปลดล็อค เมื่อคุณสำรวจทุก ๆ Rapture คุณจะเจอคอนเทนต์ ที่มีชื่อว่า “Imagining BioShock” ที่เป็น Director’s commentary video series
Imagining BioShock เป็นซีรีย์ในรูปร่างฟิล์ม ที่ปะติดปะต่อกัน จากการปลดล็อค ผ่านการค้นหาในที่ลับต่าง ๆ ภายในแต่ละ Rapture ซึ่งนี่เป็นเพียงอย่างเดียว ที่เพิ่มเติมเข้ามา ในตัวเกมปกติ
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ดีมาก ที่ทางสตูดิโอตั้งใจ เพิ่มส่วนนี้เข้ามา เพราะเราจะได้ดู Ken Levine ผู้เป็น Creative Director ของ Irrational Games และ Shawn Robertson ผู้เป็น Animation Director เล่าเรื่องราวตั้งแต่ คอนเซปแรกของเกม BioShock ไปจนถึง Final Product
น่าเสียดายที่ BioShock 2 และ BioShock Infinite ไม่มีการเพิ่ม Content ใด ๆ เลย
หากเปรียบเทียบกับ ภาคแรกในคอลเลคชั่น เกมสองภาคหลังนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่อง ภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยส่วนมาก จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องแสงของ Rapture ที่ผุพัง เพราะแบบนั้นจึง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ ทำให้เราว้าวเหมือนกับ ภาคแรกที่ดูเหมือนจะ พัฒนา Textures โดยรวมของเกมทั้งหมด
แต่อย่างไรมันก็เล่นได้ อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด อย่างที่มันควรจะเป็น ถึงแม้เนื้อเรื่องภาคสอง และภาคสามจะเป็นเหมือน การอุดช่องว่าง ในเนื้อเรื่องและคอนเซปของภาคแรก ที่ทำให้เกมนั้นน่าสนใจ
โดยทางนักพัฒนา ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลง Gamplay ของเกมในเรื่องอาวุธต่าง ๆ และวิธีการต่อสู้ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อสร้าง ความสดใหม่ให้กับเกมมากขึ้น ซึ่งมันได้ผลตอบรับ อย่างดีเยี่ยม
BioShock Infinite ภาคจบที่ยังควรค่าแก่การเล่น
BioShock Infinite นั้นออกมาในปี 2013 ซึ่งเป็นเกมที่ เข้าสู่ยุคเกมโมเดิร์นช่วงต้นแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เรา เปรียบเทียบได้ระหว่าง เวอร์ชั่นเดอะคอลเลคชั่น และเวอร์ชั่นที่ลงให้กับ Xbox 360 และ Plastation 3 นั้นจะเป็นเรื่อง ความละเอียกที่มากขึ้น คุณภาพของ Texture ในเกม และ 60 FPS เหมือนกับในเวอร์ชั่น PC
เมืองลอยฟ้า Citadel ยังงดงามและสดใส เหมือนเป็นการต้อนรับผู้เล่น หลังจากอยู่ใต้ทะเล อันมืดมนมาถึงสองภาค แต่สำหรับบางคน ที่เคยเล่นมาก่อนแล้ว ความสวยงามของภาค Infinite อาจจะไม่ประทับใจ เท่าเหมือนก่อน บวกกับการไม่มีคอนเทนต์ เพิ่มเติมใด ๆ เข้ามาในเกม
อย่างไร Infinite ก็ยังเป็นภาคที่น่าเล่นอยู่ดี เพราะเป็นเรื่องราวต่อเนื่อง จากสองภาคก่อนหน้า รวมถึงเป็นภาคจบด้วย เกมเมอร์หน้าใหม่ ก็คงต้องบอกว่าอย่าพลาด
ในขณะเดียวกัน BioShock 4 ก็ประกาศการพัฒนา และมีข้อมูลเปิดเผยออกมาบ้างแล้ว
Cloud Chamber Studios ภายใต้ 2K Games Studio ได้รับหน้าที่ในการพัฒนาเกม Bioshock ใหม่ด้วยการรับตำแหน่งนักพัฒนาหลายคนในหน้าเว็บไซต์ของสตูดิโอ
ซึ่งรายละเอียดงาน บ่งบอกได้อย่างน้อย สองอย่างว่านี่จะเป็น โปรเจ็คระยะยาวแบบซุปเปอร์ยาว โดยเนื้อหาหลุดออกมา ว่าจะเป็นเกมแนว Open World ซึ่งแน่นอนว่าจะมีทั้ง Primary Quest (เควสหลัก) และ Secndary Quest (เควสรอง)
“เราหวังว่าจะหาใครสักคน ที่สามารถขับเคลื่อน เรื่องราวตัวละครไป ได้อย่างน่าประทับใจ ภายใต้โลกแห่งความ Open World” โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกเข้ามา เป็นนักพัฒนาในโปรเจ็คนี้ จะเข้ามาเพื่อ “ระดมมันสมองในการดีไซน์ Primary และ Secondary Quest ให้น่าสนใจ”
ฉะนั้น นี่คือคอลเล็คชั่นสามภาค ที่ควรค่าแก่ลองเล่น และสะสม
BioShock ภาคแรกนั้นถูกปรับแต่งม็อด จากผู้เล่นด้วยกันเอง ไม่ว่าจะแสงเงา หรือรายละเอียดจน สามารถเทียบได้ กับมาตราฐานเกมยุคโมเดิร์น ซึ่งคนก็มักจะเล่นเกม ด้วยการปรับแต่งม็อด ซะส่วนมาก
แต่ Ken Levine กลับย้อนนึกถึง เกมตัวเองสมัยก่อน และนำเสนอเกมทั้งสามเกม ด้วยความออริจินอลให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ในขณะที่ยังเป็นมิตร กับเกมเมอร์หน้าใหม่ ที่อาจจะไม่โอเค กับภาพเกมสมัยเก่าแล้ว สามารถจะเล่นมันได้ อย่างสนุกและเข้าถึง สิ่งที่เกมต้องการ จะให้คุณได้สัมผัส
ฉะนั้นหากใครที่กำลัง จะมองหาเกม BioShock เล่นล่ะก็ เวอร์ชั่น The Collection คือตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคุณในตอนนี้